การแต่งบ้านแบบ “โฮมออฟฟิศ” (Home Office)
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ต้องยอมรับว่ากระแสการ Work from Home นั้นเป็นที่แพร่หลาย ทั้งที่ตั้งใจสามารถเลือกทำงานที่บ้านเองได้ หรือแม้แต่สถานะการณ์บังคับให้ต้อง Work from Home แบบร้อยเปอร์เซนก็ตาม ทำให้การทำงานในยุค New Normal นี้ สร้างนิสัยในการทำงานแบบ New Routine ไปด้วยเช่นกัน จะดีกว่าไหมหากสามารถเปลี่ยนบ้านหรือห้องของเราให้มีบรรยากาศที่เหมาะกับการทำงานมากยิ่งขึ้น และเป็นมากกว่าห้องทำงานด้วยการจัดและตกแต่งในสไตล์ “โฮมออฟฟิศ” (Home Office)
จากผลวิจัยพบว่าบรรยากาศในที่ทำงานนั้นส่งผลต่อระยะเวลา ประสิทธิภาพ และความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน และสำหรับคนที่รักงานเป็นชีวิตจิตใจหรือต้องการใช้ความคิดรวมถึงสมาธิในการทำงานเป็นอย่างมากนั้น คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้มีห้องทำงานในบ้านที่ผ่อนคลาย สบายตา สบายใจ เหมาะแก่การกระตุ้นไอเดียให้พุ่งกระฉูดและเพิ่มความโปรดักทีฟต่อการทำงานอีกแล้ว
ข้อดีของการแต่งบ้านให้เป็น “โฮมออฟฟิศ” (Home Office)
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของการแต่งบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศคือ การจัดพื้นที่ใช้สอยและแบ่งแยกสัดส่วนระหว่างพื้นที่ของการทำงานและพื้นที่ชีวิตส่วนตัวอย่างชัดเจน เมื่อมีพื้นที่ชัดจนมากขึ้น บรรยากาศภายในห้องทำงานก็จะกระตุ้นให้เกิดการทำงานที่มีประส้ทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย หรือเราจะมีโฟกัสในการทำงานมากยิ่งขึ้นนั่นเอง อีกทั้งเอกสารรวมถึงส่วนต่างๆในการทำงานจะมีความเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น ลดความตึงเครียดเมื่อต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวหลังเลิกงาน
คุณเป็นคนทำงานในสไตล์แบบไหน?
การตอบตัวเองให้ได้ว่าแท้จริงแล้วในการทำงานคุณเป็นคนที่มีลักษณะแบบไหนนั้น เป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่งก่อนการเริ่มวางแผนในการจัดและตกแต่งห้องให้เป็นแบบโฮมออฟฟิศ เพื่อที่จะสามารถครอบคลุมและตอบโจทย์ลักษณะการทำงานของคุณได้ดีที่สุด
สายธรรมชาติ
ชอบมองบรรยากาศ ชมนก ชมไม้ หรือสายชิล ควรมีพื้นที่สีเขียวภายในห้องทำงานเช่นการวางต้นไม้ภายในห้อง อาจจะเป็นการจัดมุมหรือวางบนโต๊ะทำงานก็ได้เช่นกัน ที่สำคัญการจัดมุมกาแฟหรือที่ให้นั่งพักผ่อนก็สำคัญไม่แพ้กัน ส่วนบรรยากาศภายในห้องควรเน้นให้ดูโปร่ง โล่ง และแสงธรรมชาติเยอะเข้าไว้
สายศิลปะ
เน้นไปที่ให้ให้ความสำคัญกับโทนสีหรือของตกแต่ง แต่กระนั้นไม่ควรมีของตกแต่งที่มากจนรกเกินไป หรือควรมีตู้สำหรับใส่ของสะสมและงานศิลปะเพื่อสร้างและกระตุ้นแรงบันดาลใจในการทำงาน และควรให้ความสำคัญกับดีไซน์การแต่งห้องให้ออกมาเป็นตัวตนของคุณมากที่สุด
สายพบปะผู้คน
หากงานของคุณเป็นคนที่ต้องพบปะกับผู้คนบ่อยๆไม่ว่าจะเป็นการโทรศัพท์หรือประชุมออนไลน์ รวมถึงประสานงานกับฝ่ายต่างๆทั้งวันแล้วนั้น ควรให้ความสำคัญกับโต๊ะและเก้าอี้ทำงานรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้สำหรับจัดเก็บและจัดวางเอกสาร และควรจัดห้องให้บรรยากาศสบายๆสามารถนั่งได้ทั้งวัน แต่ก็ต้องคำนึงถึงแสงและฉากหลังในการทำงานด้วยเช่นกัน
สายจริงจัง
หากคุณเป็นสายจริงจังในการทำงานและต้องโฟกัสกับงานเป็นอย่างมาก การเลือกพื้นที่ของห้องที่จะนำมาทำเป็นโฮมออฟฟิศนั้นสำคัญมากว่าต้องเงียบและเลี่ยงการรบกวนจากภายนอกให้ได้มากที่สุด รวมถึงสีที่ใช้ในการแต่งห้องที่ส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก สามารถใช้สีโทนเข้มได้เช่น ดำ น้ำเงิน หรือน้ำตาล เพื่อให้รู้สึกเรียบ เท่ สงบ และผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกัน การจัดให้มีแสงสว่างในห้องที่เพียงพอนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
เลือกดีไซน์ที่ชอบ
ขั้นตอนถัดมาหลักจากที่เรารู้แน่ชัดแล้วว่าเป็นคนที่มีไลฟ์สไตล์การทำงานแบบไหนคือการเลือกดีไซน์ที่ชอบเพื่อวางแผนในการจัดตกแต่งห้องรวมไปถึงการหาแรงบันดาลใจหรือ reference ในการจัดตกแต่งโฮมออฟฟิศของเราได้อย่างตรงใจ
Modern Luxury Style
คอนเซปต์คือเรียบ หนู ดูทันสมัย เน้นรายละเอียดให้มีเสน่ห์ โดยเน้นไปที่การจัดห้องให้มีความโอ่โถงเพิ่มพื้นที่ในแนวตั้ง หรือติดกระจกเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้มักเป็นกระจก กำมะหยี่ แก้ว คริสตัลหรือหนัง และเน้นที่การตกแต่งรายละเอียดเล็กน้อยโดยอาจจะใช้โลหะ ชั้นวางหรือโคมไฟทรางสูง หรืออาจจะใช้โคมไฟระย้าในการแต่งห้องทำงานก็ได้เช่นกัน
Loft Style
หัวใจของการแต่งโฮมออฟฟิศให้ออกมาในรูปแบบสไตล์ลอฟท์คือเน้นพื้นที่กว้าง ภายในให้ความรู้สึกมืด โดยอาจจะเพิ่มแสงในจุดที่ใช้นั่งทำงานให้เพียงพอและมากเป็นพิเศษมากกว่าจุดอื่น และความโดดเด่นของการตกแต่งในลักษณะลอฟท์คือความดิบ เท่ และไม่สมบูรณ์แบบของวัสดุ เน้นพื้นผิวจริง โชว์หรือเปลือยพื้นผิวของวัสดุ เน้นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวและจัดวางแบบอิสระ อาจจะใช้เฟอร์นิเจอร์หรือชั้นที่เป็นเหล็กในการจัดตกแต่งและวางของได้เช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดีสไตล์ลอฟท์นี้ก็ต้องการความเนี๊ยบที่จะทำให้โฮมออฟฟิศของคุณดูอบอุ่น น่าค้นหา และมีมิติมากขึ้น
Minimal Style
สไตล์สุดฮิตมาแรงแซงทางโค้งอย่างสไตล์มินิมอลนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จะเน้นไปที่การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยให้สอดคล้องกับสไตล์การใช้งานเป็นหลัก จัดพื้นที่ให้เป็นระเบียบไม่รก จะให้มีเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นและโชว์ให้น้อยที่สุด เรียบที่สุด เน้นไปที่เฟอร์นิเจอร์สีสว่าง น้อยชิ้นแต่มีดีไซน์เพื่อให้ดูไม่น่าเบื่อ โทนในการแต่งสไตล์มินิมอลคือสีขาว ครีม น้ำตาล จัดให้มีพื้นทีสีเขียวเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ห้องดูแข็งมากจนเกินไป ข้อดีของการจัดตกแต่งโฮมออฟฟิศให้เป็นสไตล์มินิมอลคือ ดูน่ามอง สบายตา สะอาดและสดใส
Japanese Style
ตามมาติดๆฮิตไม่แพ้กันกับสไตล์มินิมอลนั่นคือ Japanese Style หรือ Contemporary Japanese Style หรือที่หลายๆคนอาจเรียกว่าการแต่งห้องแบบ Muji Style นั้นมีลักษณะใกล้เคียงกับแบบมินิมอล แต่ให้ความแพง มีรสนิยมมากขึ้นและดูอบอุ่นมากกว่าสไตล์มินิมอล โดยเน้นโทนห้องสีอ่อนและจัดตกแต่งด้วนสีน้ำตาล เฟอร์นิเจอร์ใช้ไม่สีอ่อนเป็นหลักและเน้นพื้นที่ใช้สอยในแนวสูงให้คุ้มค่าที่สุด มักใช้ประตูหน้าต่างบานใหญ่ เน้นแสงธรรมชาติให้เข้าถึง เหมาะกับการวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใช้ไว้กลางห้องเพียงชิ้นเดียวนั่นคือโต๊ะทำงาน นอกนั้นโชว์และวางของให้น้อยที่สุดเพื่อให้ห้องดูโอ่โถงและมีมิติมากขึ้นนั่นเอง
Natural Style
จุดเด่นคือเน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากที่สุดเพื่อลดความเครียดและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ นิยมให้โฮมออฟฟิศสามารถมองออกไปแล้วเห็นต้นไม้ หรือห้องที่ใช้ทำโฮมออฟฟิศนั้นสามารถเชื่อมไปยังโซนที่มีพื้นที่สีเขียวได้ จัดและตกแต่งห้องด้วยต้นไม้เล็กๆตามจุดและมุมต่างๆเพื่อเพิ่มความสดชื่น เฟอร์นิเจอร์รวมถึงวัสดุที่เลือกใช้นั้นควรมาจากหรือให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติ อาทิ ไม้ หิน แทนที่จะเป็น ปูน เหล็ก หรือพลาสติก ส่วนสีที่นิยมคือสีโทนอ่อนที่ไม่ใช่สีขาว เช่นสี น้ำตาลอ่อน เทาอ่อน ฟ้าอ่อน เขียวอ่อนหรือสีเบจที่ให้ความรู้สึกนำพาไปในโทนเย็น
Color Style
เหมาะสำหรับคนที่รักสีสันและความสนุก เชื่อว่าสีสันนั้นจะช่วยในเรื่องของความจำและการกระตุ้นให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ซึ่งจริงๆแล้วในทางวิทยาศาสตร์ก็มีผลยืนยันออกมาแล้วว่าการใช้สีสันในการทำงานรวมถึงจัดระเบียบความคิดให้ถูกต้องนั้นช่วยในเรื่องความจำและส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน อย่างไรก็ตามหากต้องการจัดและตกแต่งโฮมออฟฟิศให้มีลักษณะที่เป็นสีสันแล้วนั้น ต้องมีการวางแผนการใช้สีเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ห้องทำงานของเราดูรกจนเกินไป เพราะการใช้สีคู่กันที่ไม่ถูกต้องมาเกินไปอาจทำให้โฮมออฟฟิศของเราดูไม่แพงและจะเบื่อง่าย
10 เทคนิคการแต่งบ้านแบบโฮมออฟฟิศ
หลังจากทราบแน่ชัดแล้วว่าเรามีนิสัยการทำงานในรูปแบบไหน และดีไซน์การตกแต่งแบบใดที่ถูกใจ ในขั้นตอนถัดไปนั้น 369 House Design จะพาไปดูรายละเอียดสำหรับ 10 เทคนิคการจัดและแต่งบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศที่น่าทำงานกัน
1. การเลือกมุมให้เหมาะสม
จุดเริ่มต้นของการทำโฮมออฟฟิศที่ดีนั้นคือการเลือกมุมในการทำงานให้ตรงกับลักษณะและไลฟ์ไตล์ในการทำงานของเราว่าห้องทำงานของเราควรอยู่จุดใด ควรอยู่ในพื้นที่ที่เลี่ยงจากการโดนรบกวนที่สุดหรือไม่ หรือควรเป็นพื้นที่ที่เห็นโซนสีเขียว ต้องการเห็นคนหรือต้องการเพื่อนขณะทำงาน หรือสามารถทำงานส่วนกลางของที่บ้านได้ ควรพิจารณาและเลือกมุมที่จะนำมาทำเป็นโฮมออฟฟิศอย่างถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้รบกวนทั้งงานที่เราทำและผู้อื่นภายในบ้าน
2. การเลือกใช้ไฟและแสงสว่าง
ไฟที่ควรเลือกใช้ในโฮมออฟฟิศควรเป็นสีขาว และเป็นสีขาวที่ต่างจากไฟในบ้านหรือในห้องอื่นของบ้านที่จะมีสีอ่อนนวลและสบายตากว่า เนื่องจากในแง่ของการใช้สายตาหรือเพ่งจอเป็นระยะเวลานาน ไฟที่มีสีขาวนั้นจะทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตาน้อยกว่าแสงไฟสีเหลืองหรือสีนวลอ่อนๆ อีกทั้งเมื่อก้าวเข้ามาในโฮมออฟฟิศการเปลี่ยนจากสีนวลจากห้องอื่นมาเป็นสีขาวสว่างนั้นทำให้รู้สึกตื่นตัวในการทำงานมายิ่งขึ้น รวมถึงแสงหว่างภายในโฮมอฟฟิศควรจัดให้มีแสงสว่างทั่วถึงและเพียงพอทั้งตอนกลางวันและกลางคืน ทั้งที่มาจากหลอดไฟและแสงสว่างจากธรรมชาติก็ควรที่จะมากเพียงพอเช่นกันเพื่อที่จะเข้ามาช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายส่งผลดีต่อสมอง ร่างกายและจิตใจมากขึ้น
3. การจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อยและสะอาด
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ในห้องหรือโต๊ะทำงาน ความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากที่ควรจัดให้สะอาดและเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้คุณรู้สึกดีทุกครั้งที่นั่งบนโต๊ะทำงานแล้วมองไปรอบๆโฮมออฟฟิศของคุณ อีกทั้งตามหลักจิตวิทยาแล้วการที่บรรยากาศโดยรอบสะอาดและเป็นระเบียบอยู่ตลอด จะช่วยให้คุณลดความวุ่นวายและรู้สึกว่าทุกอย่างนั้นคุณสามารถจัดการได้เป็นอย่างดีและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น
4. การตกแต่งให้บ่งบอกรสนิยม
ควรมีการวางแผนในการแต่งโฮมออฟฟิศให้ดูเป็นระเบียบและเป็นทางการมากกว่าการจัดตกแต่งบ้านแบบอื่นเพราะนอกเหนือจากรูปแบบและสไตล์ที่เราชอบแล้วต้องคิดเผื่อถึงกรณีที่มีคนขอเข้ามาพบปะเพื่อติดต่องาน รวมไปถึงการพูดคุยงานหรือสัมมนาออนไลน์ที่อาจจะทำให้บุคคลทั้งภายในและนอกองค์กรนั้นเห็นบรรยากาศโดยรอบของโฮมออฟฟิศคุณได้ รสนิยมในการจัดตกแต่งห้องนั้นก็สามารถส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของคุณได้เช่นกัน
5. การเลือกเฟอร์นิเจอร์อย่างมืออาชีพ
การเลือกใช้เฟอร์นอเจอร์นั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญควรเลือกให้ดูสวยงามเป็นมืออาชีพ และเนี้ยบมากกว่าการจัดตกแต่งห้องทั่วไป อีกทั้งควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะเป็นแบบ Multi-Function หรือชิ้นเดียวแต่มีฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบอาทิเช่นโต๊ะทำงานสามารถเก็บของได้มากหรือมีลิ้นชักการใช้งานที่เหมาะสม วางคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ด เมาส์ได้อย่างครบครัน หรือโซฟาที่สามารถปรับนอนและเก็บของได้ในชิ้นเดียวเพื่อลดการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มากจนเกินไป
6. การเพิ่มกระจกเพื่อให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น
การทำโฮมออฟฟิศแน่นอนว่าพื้นที่นั้นมักมีจำกัด การใช้กระจกเงาบานใหญ่เข้ามาติดภายในห้องนั้นช่วยให้รู้สึกว่าพื้นที่นั้นกว้างขึ้นมาก รวมถึงลดความรู้สึกแออัดของพื้นที่ โดยที่ระจกบานยิ่งใหญ่และไร้รอยต่อได้มาเท่าไรยิ่งดี แต่ก็ควรระวังเช่นกัน การติดกระจกเงามากเกินไปและติดในจุดที่ไม่ถูกต้อง นอกจากแสงที่กระทบกับกระจกเงาจะทำให้ปวดตาแล้วนั้นอาจทำให้รู้สึกมึนงงจากการติดกระจกมากเกินไปอีกด้วย ดังนั้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่างอินทีเรียหรือมัณฑนากร ก่อนทำการติดกระจกบานใหญ่เพื่อการประดับตกแต่งโฮมออฟฟิศของคุณ
7. การใช้พื้นที่แนวตั้งให้คุ้มที่สุด
สิ่งนึงที่จะช่วยให้โฮมออฟฟิศของคุณดูเป็นระเบียบและสวยงามมากยิ่งขึ้นคือการเก็บทุกอย่างเข้าไปในตู้ โดยการทำ Built-in ตู้ให้แก่โฮมออฟฟิศของคุณโดยการใช้พื้นที่พนังในแนวสูงให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสิ่งที่เป็นผลพลอยได้จากการ Buil-it คือ สามารถวางแผนและกำหนดช่องหรือขนาดของตู้ตามฟังก์ชันการใช้งานได้ อีกทั้งเฟอร์นิเจอร์ประเภท Built-in นั้นมีลักษณะเฉพาะตัวคือดูมีราคาและรสนิยมที่ดีกว่าตู้หรือเฟอร์นิเจอร์แบบสำเร็จ ทำให้โฮมออฟฟิศของคุณนั้นนอกจากจะเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วยังดูดีและเป็นทางการอย่างมีระดับ
8. การเลือกงานศิลปะเข้ามาจัดตกแต่ง
การใช้งานศิลปะเข้ามาจัดตกแต่งโฮมออฟฟิศนั้นจะช่วยดึงอารมณ์ และทำให้การทำงานมีชีวิตชีวามากขึ้น ถือเป็นการลงทุนที่ได้การตอบแทนทางอารมณ์ ทำให้ห้องดูไม่แข็งเกินไป ในขณะเดียวกันการเลืกงานศิลปะที่ดีนั้นเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นไอเดีย การใช้ความคิด การเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และทำให้รู้สึกฮึกเหิมในการทำงานไปด้วยได้เช่นกัน
9. การเพิ่มพื้นที่สีเขียว
การจัดให้มีต้นไม้เล็กๆเพียงนิดเดียวนั้น สามารถช่วยเพิ่มบรรยากาศในการทำงานให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้มากอย่างเหลือเชื่อ โดยอาจจะเลือกต้นไม้สวยๆไม่ต้องดูแลมากมาจัดวางไว้บนโต๊ะทำงามหรือตามมุมต่างๆของโฮมออฟฟิศเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายและสมองปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้น
10. การจัดให้มีพื้นที่ไร้สายมากที่สุด
แน่นอนว่าปัจจุปันแทบทุกคนต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานอยู่แล้ว นอกจากสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สายที่ควรมีแล้ว ไร้สายในที่นี้หมายถึง การเดินสายไฟรวมถึงวางแผนจัดระเบียบการเชื่อมต่อสายไฟต่างๆให้เป็นระเบียบและมองเห็นสายไฟต่างๆให้น้อยที่สุด รวมถึงการจัดให้มีแหล่งจ่ายไฟภายในห้องเพียงพอตามจุดหรือมุมต่างๆเพื่อลดการต่อพ่วงของสายไฟ ทั้งนี้นอกจากความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วยังเป็นในเรื่องของความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่เสี่ยงจากการดึงปลั๊กเข้าๆออกเช่นเดียวกัน
การทำโฮมออฟฟิศที่บ้านนั้นดีตรงเราสามารถจัดตกแต่งและกำหนดการใช้งานในส่วนต่างๆยืดหยุ่นได้ตามการใช้งานจริงในการทำงานของเรา โดยสามารถอยู่ที่บ้านได้อย่างไม่ตึงเครียดและทำให้บรรยากาศนั้นเอื้ออำนวยต่อการทำงานมากยิ่งขึ้น เพราะห้องทำงานนั้นนั้นคือจุดเริ่มต้นของไอเดียดีๆและความสำเร็จอีกมากมาย หากคุณมีแพลนในการทำโฮมออฟฟิศแล้วไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน สามารถปรึกษามัณฑนากรมืออาชีพที่ 369 House Design ของเราได้ เราจะทำให้พื้นที่อันจำกัดของคุณที่มีอยู่ให้ออกมาเป็นโฮมออฟฟิศที่สมบูรณ์แบบและตรงใจคุณมากที่สุดกับบริการครบครันตั้งแต่ ออกแบบ ก่อสร้าง Built-in ทำเฟอร์นิเจอร์โดยทีมงานมืออาชีพตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมบริการหลังการขาย
ปรึกษากับมัณฑนากรมืออาชีพของเรา